คุณชาติชาย ศิริพัฒน์ มิตรสหายร่วมชายคาหน้าเกษตร หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ อธิบายบทความเรื่องระบบน้ำหยดกับโรคมันฯ ความจริง...ที่ต้องปฏิเสธ เนื้อหาเนื้อความเป็นอย่างไร ไม่ขอพูดถึง วันนี้ให้ความเข้าใจแก่ชาวนา ผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ใช้ระบบน้ำหยด ให้แคล้วคลาดปัญหาไส้เดือนฝอย ทำรากมันสำปะหลังเป็นปุ่มปม มันฯไม่ออกหัวก่อนอื่นต้องบอกว่า...อย่าเพิ่งตื่นตูม ไปโทษว่าระบบน้ำหยดไม่ดี แล้วไปทำลายล้างทิ้งเลิกใช้เพราะว่าการใช้ระบบน้ำหยดในไร่มันสำปะหลัง ไม่ได้มีอุปสรรคในทุกพื้นที่... การใช้ระบบน้ำหยดจะไร้ปัญหาเลย ถ้าดินในแปลงปลูกไม่มีเชื้อไส้เดือนฝอย หากใช้ระบบน้ำหยด ใคร่รู้ว่าดินในแปลงปลูกของตัวเองมีเชื้อไส้เดือนฝอยหรือไม่ วิธีตรวจดูง่ายๆ ถ้าปลูกมาแล้ว 3-4 เดือน ให้ลองถอนต้นขึ้นมาดู ถ้ารากมีปมปุ่มคล้ายรากต้นถั่ว และมีรากเล็กๆเต็มไปหมด มันฯ ไม่มีหัว นั่นแสดงว่าที่ตั้งของเรามีเชื้อไส้เดือนฝอยซ่อนเร้นอยู่ อย่าเสียเวลารออภินิหารว่ามันฯจะออกหัวได้ ให้รื้อถอนทิ้งไปทั้งหมด แล้วลงปลูกสร้างใหม่...เปลี่ยนมาปลูกพันธุ์ระยอง 72 เพราะเป็นพันธุ์ที่แข็งแรงต่อโรคไส้เดือนฝอย แต่ท่อนพันธุ์อาจจะหายากหน่อย เพราะหลายปีที่ผ่านมา ชาวไร่ไม่ค่อยนิยมปลูก ด้วยอ่อนแอต่อเพลี้ยแป้งสีชมพู แต่อาจจะแก้ปัญหาด้วยการแช่ท่อนพันธุ์ด้วยน้ำยาคุ้มกันเพลี้ยแป้งก่อนปลูก แต่ถ้าคิดว่า พอแล้ว ไม่เอาแล้วมันฯ จะปลูกอย่างอื่นแทน...หากว่าจะปลูก พืชปรับปรุงดิน แนะนำให้ปลูกปอเทือง เพราะว่าไส้เดือนฝอยไม่พิสมัยกลิ่นรากปอเทือง....แต่ถ้าประสงค์จะปลูกพืชทำเงิน เอาระบบน้ำหยดมาใช้ปลูกดาวเรือง เก็บดอกวางขายจะดียิ่งนัก ก็เพราะว่าเป็นพืชอีกประเภทที่ไส้เดือนฝอยไม่ชอบหรือจะเอาระบบน้ำหยดไปใช้กับพืชอย่างอื่น ที่ทำกำไรได้ดีกว่าและเร็วกว่ามันสำปะหลัง จะยิ่งน่าสนใจ...อย่างไรก็ตาม มะเขือเทศ พริก และพืชตระกูลถั่ว ต้องมองข้าม เพราะไส้เดือนฝอยช้อบชอบ ส่วนจะปลูกพืชอะไรที่เหมาะและทำกำไรได้ดี นอกจากจะต้องดูตลาดในเขตพื้นที่ก่อนว่ามีความประสงค์อะไร...ควรหารือเจ้าหน้าที่เกษตรผู้มีอาชีพให้ความรู้เกษตรกรว่า พืชประเภทไหน พอจะทนทานกับไส้เดือนฝอยที่มากัดรับประทานรากพืชได้.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น